แด่ดอกไม้ที่ยังไม่ผลิบาน แด่กิ่งก้านที่สุดจะแห้งเหี่ยว

บทความเกี่ยวกับการเป็นวัยรุ่น

คำนำ: โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เนื่องจากบทความนี้อาจมีประเด็นที่ผู้อ่านไม่เห็นด้วย จึงโปรดทราบว่างานชิ้นนี้เป็นเพียงงานเขียนสร้างสรรค์ และไม่ได้เป็นความจริงแต่ประการใด

จริงไหม ที่วัยรุ่นอย่างเรามักถูกมองว่าเป็นตัวปัญหา แต่แท้จริงแล้ว มุมมองนั้นที่เป็นของคนวัยอาวุโสได้สืบเนื่องมาจากความกลัวที่ผู้ใหญ่มีต่อสภาพสังคมที่กำลังเปลี่ยนผัน คือ เท่าที่เราสังเกตมานะ เราว่าผู้ใหญ่ชอบยึดติดกับอดีต เพราะอดีตอาจทำให้เขาระลึกถึงวันวาน เหตุการณ์ และผู้คนที่เขาไม่อาจจะละลืม และอาจเป็นเพราะอดีตเป็นพื้นที่ที่เขาคุ้นชิน ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยในสิ่งหนึ่งสิ่งเดียวที่เขาสามารถควบคุมได้ สิ่งนั้นก็คือ “ความทรงจำ”

หลังจากที่เราย้ำแล้วย้ำเล่าว่าการเป็น “พ่อแม่” ไม่ได้แปลว่าเขาจะมีสิทธิ์กำหนดชีวิตของคนที่บังเอิญเกิดมาเป็น “ลูก” ของเขา เพราะในท้ายที่สุด เขาก็ต้องยอมเดินออกจาก “ความปลอดภัย” เพื่อพิสูจน์ให้เราเห็นว่าเขาสามารถทำหน้าที่ของการเป็น “พ่อแม่” ที่ดีได้ และไม่ได้ใช้คำเหล่านั้นเป็นเพียงข้ออ้างเพื่อบงการชีวิตของเรา เมื่อเขากล้าที่จะก้าวข้ามออกมาจากความเคยชิน เขาก็จะเห็นสักทีว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ปัญหาก็คือตัวของเขาเอง

ผู้ใหญ่ชอบคาดหวังในสิ่งที่ไม่มีวันเป็นจริง

ประโยคที่เราคุ้นชินที่สุด ที่สะเทือนจิตใจเราที่สุดเมื่อได้ยินจากปากของคนในครอบครัวคือ “เด็กคนอื่นเขายังทำได้ เรื่องแค่นี้ทำไมมึงถึงทำไม่ได้?”

เพราะมันไม่ได้ง่ายอย่างที่พูดไงล่ะคะ ฉันอยากจะตะโกน แต่ก็พูดได้เพียงคำว่า “ขอโทษ” ทั้งๆ ที่เราไม่ได้ทำอะไรผิดนอกจากการที่เราทำหน้าที่ “เป็นลูกเป็นหลาน” ได้ไม่ดีพอในสายตาของครอบครัว

ฉันกลืนความโกรธแค้น พร้อมหลบหน้าหนีเพื่อซ่อนเร้นความเจ็บช้ำที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนผ่านน้ำตาที่กำลังจะเอ่อล้นไหลอาบแก้ม ทุกการขัดแย้งมักจบลงแบบนี้เสมอ โดยที่ครอบครัวจะทำเหมือนเราไม่มีตัวตน ถามอะไรก็ไม่ตอบ ซื้ออะไรให้ก็ไม่กิน โทรไปก็ไม่รับ ส่งข้อความไปก็ไม่อ่าน เป็นแบบนี้ทุกครั้ง เพียงแค่เพราะเราดีไม่เท่าเด็กคนอื่นอย่างที่เขาต้องการ

ทำอะไรก็ผิดไปหมด ไม่ถูกใจผู้ใหญ่สักอย่าง เราอยากจะถามเหลือเกินว่า ดีแค่ไหนถึงจะดีพอ? ดีแค่ไหนถึงจะดีเท่าเด็กคนอื่น? หรือว่าเด็กที่เขาว่าเป็นเพียงเด็กที่อยู่ในจินตนาการของเขา ที่สมองของเขาได้วาดฝันเอาไว้โดยละเลยความจริงที่ว่าเราเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งที่อยู่ในวัยของการเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ เหนื่อยเหลือทนที่เราไล่ตามความปรารถนาของพวกเขา

แค่นี้ยังไม่พอนะ ครอบครัวยังต้องการให้เราทำทุกสิ่งทุกอย่างในทิศทางที่พวกเขากำหนด เพราะเขาคิดว่าวิธีการของเขาเป็นวิธีการที่ถูกต้องที่สุดหรือดีที่สุดเสมอ แต่ในความเป็นจริง ทุกคนมีวิธีการปฎิบัติงานต่างๆ ในทางที่ต่างกันออกไป เพราะสิ่งที่ดีหรือเหมาะสมที่สุดสำหรับคนหนึ่งอาจจะไม่ได้ดีสำหรับคนอื่นเสมอไป

คนในครอบครัวเราอ่ะ ล้วนแต่เป็นคนหัวโบราณกันทั้งนั้น ต่างคนก็ต่างคิดว่าตัวเองถูกเสมอ ทำให้ทุกการโต้เถียงอย่างสันติที่ต่างฝ่ายต่างมีความคิดเห็นที่ต่างกัน ลงเอยด้วยการทะเลาะเบาะแว้ง การประชดประชัน เพียงเพราะเขาแสวงหา “ชัยชนะ”

เมื่อการคุยกันด้วยเหตุผลจบลงด้วยอารมณ์ที่ดุเดือด คนที่ต้องทำหน้าที่ขอโทษก็คือเราตลอด เพราะผู้ใหญ่คิดว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด หน้าที่ของการคืนดีจึงตกลงไปในมือของเด็กที่จะต้องมายอมรับผิด ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรผิดสักอย่าง แต่สถานะของการเป็น “เด็ก” ก็กำหนดไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่าฝ่ายไหนจะเป็นฝ่าย “ผู้แพ้” ก่อนที่เราจะปริปากเปล่งเสียงอะไรออกมาทั้งสิ้น

เหตุการณ์เหล่านี้ก็ทำให้เราตั้งคำถามกับตัวเองว่า ถ้าเขาต้องการให้เราดีเลิศประเสริฐศรีอย่างจะเป็นจะตาย การเป็นพ่อแม่ น้าอา ปู่ย่าตายาย ที่ดี แค่เนี้ยะ ทำไมเขาถึงทำไม่ได้? ครอบครัวคนอื่นเขายังทำได้ เรื่องแค่นี้ทำไมครอบครัวเราถึงทำไม่ได้?

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทุกคนอาจจะเข้าใจ เราถูกสอนให้ยอมจำนน

ยอมจำนนต่อครอบครัว ยอมจำนนต่อสังคม ยอมจำนนต่อรัฐผู้มีอำนาจ มันเป็นสิ่งที่แย่ที่สุดสำหรับวัยรุ่นที่กำลังอยู่ในวัยค้นหาตัวเอง มันเป็นการสร้างขอบเขตที่รั้งเราไว้ไม่ให้เป็นตัวของตัวเอง เราถูกเลี้ยงออกมาให้เป็นคนก้มหน้าก้มตาเพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่ดีของสังคมไทยที่ไม่ต่างอะไรจากฝูงแกะ!

สังคมไทยประกอบไปด้วยแกะที่ก้าวหน้าไปอย่างไร้ทิศทาง ไร้เป้าหมาย บนลู่วิ่งที่เรียกว่าถนนสายชีวิต แกะเหล่านี้ถูกกำหนดมาให้เดินตามฝูงจะได้ไม่เป็นที่รังเกียจของสังคม การเป็นคนกล้าที่จะแสดงความคิดเห็นของตัวเอง กล้าที่จะท้าทายธรรมเนียมโบราณๆ ที่เรายึดติดมาตั้งแต่สมัยที่คนไทยยังขี่ควาย และกล้าที่จะเป็น “หมาป่า” ที่มีตัวตนของตัวเองอย่างแน่ชัด คือการทำผิดขั้นสูงสุด มีโทษถึงตาย (ถูกข่มเหงโดยสังคม = ชีวิตดับ)

เพราะเช่นนั้น เราจึงถูกสอนมาให้เชื่อฟังสิ่งที่ผู้ใหญ่บอก และประพฤติตามคำแนะนำ (ที่ดูคล้ายจะเป็นคำสั่งซะมากกว่า) ของผู้ใหญ่ที่มากประสบการณ์ เพราะผู้ใหญ่ไม่เคยผิดเสมือนว่าเป็นเทพเจ้า แต่มันก็เป็นแค่ความบังเอิญ ที่เขาเกิดมาได้ก็เพราะมีคนสองคนมีเซ็กส์กันก่อนที่พ่อแม่ฉันจะมีเซ็กส์กันก็เท่านั้น!

แต่แล้ว เราก็เป็นเพียงแค่ดอกไม้ที่ยังไม่ผลิบาน ดอกไม้ที่กำลังเฝ่ารอฤดูใบไม้ผลิที่ไม่ยอมเยี่ยมเยือนหวนกลับมาเสียที ถึงแม้ทุกสิ่งที่สวยงามบนโลกใบนี้ต่างก็มีอายุขัยที่ไม่อาจกำหนดได้ แต่ดอกไม้ที่บานสะพรั่งที่แลดูจะสง่างามและนิรันดร์ดั่งจันทรา ก็สามารถหล่นลงมาเกลือกกลิ้งบนดินทรายในวันที่สภาพอากาศไม่เอื่อเฟื่อ ไม่ถนุถนอม ได้เสมอ

บ่อยครั้งนักที่กิ่งก่านต้องแตกหักเพราะรับน้ำหนักของดอกไม้ที่เติบโตและใช้ชีวิตเคียงคู่กันมาไม่ไหว จนทำให้ต้นไม้ทั้งต้นต้องตายลง

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s